SEANLAN
About Hero

วัดป่าสัก เชียงแสน

“เพชรเม็ดงามแห่งลุ่มน้ำโขง”


ย้อนเวลากลับไปกว่า 700 ปี เมื่อ พญาแสนภู กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรล้านนา ได้ทรงสร้างวัดป่าสักขึ้นในปี พ.ศ. 1883 เพื่อประกาศเกียรติภูมิแห่งเมืองเชียงแสนที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด ชื่อวัดมาจากการโปรดให้ปลูก ต้นสักกว่า 300 ต้น รายล้อมรอบวัด เปรียบเสมือนป้อมปราการแห่งศรัทธา แข็งแรง มั่นคง ดุจไม้สักทองอันทรงคุณค่า

เจดีย์ศิลป์ 4 ชาติ – อัญมณีแห่งล้านนา

เจดีย์ของวัดป่าสักไม่ได้เป็นเพียงสถาปัตยกรรมธรรมดา แต่คือ “งานศิลป์ชั้นสูง” ที่หลอมรวมอิทธิพลจาก มอญ – สุโขทัย – ล้านนา – ชาวฮอน เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ตำนานเล่าขานว่า เดิมทีเจดีย์นี้เคยถูกหุ้มด้วยทองคำทั้งองค์ เมื่อแสงแดดต้องก็ส่องประกายระยิบระยับประดุจภูเขาทองกลางเมืองเชียงแสน แต่เมื่อสงครามสมัยรัชกาลที่ 1 อุบัติขึ้น เมืองเชียงแสนถูกตีแตก ความยิ่งใหญ่นั้นจึงถูกเผาผลาญ เหลือไว้เพียง ซากเจดีย์อันทรงคุณค่า ที่เป็นดั่งพยานแห่งกาลเวลา

วัดป่าสักในวันนี้ – อัญมณีแห่งเชียงแสน

ทุกอิฐ ทุกลาย ทุกเศษซากที่เหลืออยู่ ต่างเล่าเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของอดีตที่รุ่งโรจน์ วัดป่าสักจึงมิใช่เพียงโบราณสถาน แต่เป็น “สัญลักษณ์ของความศรัทธาและอัตลักษณ์ล้านนา” นักเดินทางที่ก้าวเข้าสู่วัดป่าสักในวันนี้ จะได้สัมผัสบรรยากาศอันขลัง คล้ายกำลังเดินย้อนสู่อดีต และได้เห็นด้วยตาตนเองว่า เหตุใดเชียงแสนจึงถูกขนานนามว่าเป็นนครแห่งประวัติศาสตร์ที่เปล่งประกายไม่เสื่อมคลาย

About Hero
Art 0Art 1Art 2Art 3Art 4Art 5

ลวดลายหิมพานต์ – ศิลป์โบราณที่กลับมามีชีวิต

เมื่อมองเพียงแวบแรก คุณจะเห็นเพียง “ลวดลาย” แต่แท้จริงแล้วนี่คือ “เรื่องราวที่สืบทอดจากราชสำนักล้านนา–ล้านช้าง ผสมผสานกับศิลป์จีนอันวิจิตร” ที่ถูกถักทอขึ้นใหม่ให้โลดแล่นอีกครั้ง

สิงห์ กิเลน หงส์ – ผู้พิทักษ์แห่งกาลเวลา สัตว์ในลายนี้ไม่ใช่เพียงจินตนาการ แต่คือ สัตว์หิมพานต์ผู้ศักดิ์สิทธิ์

• สิงห์ : สัญลักษณ์แห่งอำนาจและความมั่นคง

• กิเลน : ตัวแทนแห่งคุณธรรม ความเจริญรุ่งเรือง

• หงส์ : สัตว์คู่ฟ้า ความสง่างามสูงส่งและโชคลาภ

พวกเขาคือผู้พิทักษ์แห่งเมืองโบราณ ผู้ค้ำจุนศรัทธาและความรุ่งเรืองไม่ให้สูญหาย

พฤกษาแห่งความงามไม่รู้โรย ท่ามกลางสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ มีเถาไม้และดอกไม้โบราณร้อยรัดอยู่ทั่วพื้นผืน แทนความอุดมสมบูรณ์ ความเบ่งบาน และการต่อชีวิตของวัฒนธรรมที่ยังคงงดงามไม่สิ้นสุด

ศิลป์เก่ากับลมหายใจใหม่ แม้รากของลายนี้หยั่งลึกในพุทธศตวรรษที่ 20–22 แต่การออกแบบปัจจุบันกลับตีความใหม่ในโทน พาสเทลอ่อนโยน ให้กลายเป็นงานศิลป์ร่วมสมัยที่สามารถประดับได้ทั้ง แฟชั่น สิ่งทอ งานกราฟิก และงานตกแต่ง

นี่ไม่ใช่เพียงลายประดับ แต่คือ “มรดกทางศิลป์ที่พูดได้” ทุกเส้นโค้งคือเสียงสะท้อนจากอดีต ทุกสีสันคือพลังแห่งศรัทธาที่ไม่เคยเลือน และทุกการตีความใหม่คือการเชื่อมโยงระหว่าง ความรุ่งโรจน์ในวันวาน และ ความสร้างสรรค์ในวันนี้

นี่คือ “Pattern แห่งหิมพานต์” ที่ไม่เพียงทำให้ผู้คนตะลึงในความงดงาม แต่ยังปลุกให้ศิลปะโบราณกลับมามีชีวิต…อีกครั้ง

Sample image 1Sample image 2

ดอกอั้น – สัญลักษณ์แห่งเวียงหนองหล่ม

เวียงหนองหล่ม จ.เชียงราย เคยเป็นเมืองโบราณอายุกว่า 1,500 ปี และเชื่อว่าเป็นจุดกำเนิดของชาติพันธุ์ไท-ยวน พื้นที่นี้อุดมสมบูรณ์ทั้งข้าว น้ำ และสัตว์น้ำ ต้น อั้น (หรือไชวาน/ตะไคร้น้ำ) เป็นไม้พื้นถิ่นหายาก ลักษณะเป็นไม้พุ่ม ช่อดอกสีขาวกลมคล้ายดอกท่ม มีรากลอยเหนือดินเหมือนโกงกางน้ำ พบเฉพาะบึงน้ำตื้นในภาคเหนือ เช่น เวียงหนองหล่มและหนองเล็งทราย

ปัจจุบันต้นอั้นลดจำนวนลงอย่างมาก แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความงดงามของธรรมชาติ และถูกอนุรักษ์ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น “ฟื้นใจเวียงหนอง ด้วยศรัทธา สืบชะตาป่าต้นอั้น” ต้นอั้นจึงไม่ใช่แค่ต้นไม้ แต่เป็นหัวใจของธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น

ดอกสารภี – กลิ่นหอมแห่งล้านนา

ดอกสารภี ขนาดเล็ก กลีบดอกขาว 4 กลีบ โค้งเป็นกระพุ้ง ร่วงง่าย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและรสขมเย็น ชาวล้านนานิยมนำมาตากแห้งผสมส้มป่อยเพื่อสรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในเทศกาลปีใหม่เมือง

ในประวัติศาสตร์ ดอกสารภีปรากฏในโศกนาฏกรรมเมืองเชียงแสน (ปี พ.ศ. 2347) เป็นสัญลักษณ์ความทุกข์ทรมานของชาวเชียงแสนที่ถูกเป็นเชลยศึก จนไม่มีอารมณ์สุนทรีไปปลูกดอกสารภีที่เชียงใหม่

Sample image 1Sample image 2
Sample image 1Sample image 2

ดอกบุนนาค – ดอกไม้แห่งมงคลล้านนา

ดอกบุนนาค กลีบดอกสีขาว 5 กลีบ ซ้อนกัน ปลายบาน มีกลิ่นหอมเย็น รสขมฝาดเล็กน้อย ชาวล้านนาเชื่อว่าปลูกไว้ในบ้าน โดยเฉพาะทิศตะวันตกและปลูกวันเสาร์ จะช่วยเสริมความประเสริฐ อำนาจ และขับไล่สิ่งอัปมงคล

ในทางพระพุทธศาสนา ดอกบุนนาคเป็นดอกไม้สำคัญ ใช้ถวายเป็นพุทธบูชาเพื่ออานิสงส์มหาศาล มักปรากฏในจิตรกรรมและงานศิลปะล้านนา แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและคัมภีร์โบราณ